หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรื่องเล่าจาก ศันสนีย์ (ตอนที่ 1)


ศันสนีย์  คือใคร ?
ศันสนีย์  คือแม่ของผมเอง  นานมาแล้วที่ศันสนีย์ทำงานในแวดวง อบต. และพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งดีและไม่ดีจนกลั่นกรองเกิดเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ามา ณ ปัจจุบันนี้  

เรื่องราวต่อไปนี้  เป็นข้อมูลจริงที่ถูกถ่ายทอดมาจากประการณ์ตรงของ ศันสนีย์ เกี่ยวกับ แวดวง  อบต. เทศบาลตำบล  อำเภอ  จังหวัด  ตลอดจนการทำงานด้านอื่น ๆ ที่จะนำเสนอให้แง่คิดกับทุกคน

-----------------------------------------------------------
ความจริงเมื่อปี 2539 นั้น ใคร ๆ ก็ยังไม่รู้จัก อบต. นะ.. !!??

มันคืออะไร ?? ..
ถ้าเราไม่ไปสอบบรรจุ  เราก็ตกงานนะสิ !! หลาย ๆ คนคิดเหมือนเราเช่นกัน ..  เราเริ่มไปทำงานปี 2540 นายรู้ไหม ?  เราร้องไห้ !!!! เรากลัว !!!   นายอาจจะสงสารเรานะ  แต่ถ้านายรู้อนาคตของเรา  นายคงไม่สงสารเราหรอกนะ...คิดว่างั้น

เรารู้ว่าเราประสบกับตัวเองมาโดยตลอด 15 ปี  นายเชื่อไหมล่ะ ???  รู้แล้วอย่าบอกใคนะ  ระวังมันขโมยไปอ่าน !! เก็บไว้ดี ๆ นะ !!!

มันเหมือนตกกะไดพลอยโจร...เราเข้าสู่วงการ  อบต.  มาเนี้ย  เจอทั้ง  เสือ  สิงห์  กระทิง  แรด  งู  และ จิ้งเหลน   ...อ้อ..!! ลืม  อีกตัว  คือ  สุนัข   (ถ้าไม่รักจริงไม่เล่าให้ฟังนะเนี่ย...)

นายอาจจะคิดว่าเราคือ  พนักงานเจ้าหน้าที่ธรรมดาทั่วไปใช่ไหม ? ... เรายิ่งใหญ่นะ !!!  แต่...ให้ตายสิ  เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย  ว่า  เรายิ่งใหญ่จริง ๆ จ่ายเช็คไปไม่รู้กี่ล้าน ๆ บาทแล้วเนี่ย !!???

งานหลวง  งานรัฐ  เขาเขียนมาดีนะ  เขียนไป  แก้ไป  ไม่รู้ว่าปีไหนจะสมบูรณ์ หุหุ...  ไอ้เราก็คนปฏิบัติงาน อ่านะ  ไม่ใช่คนออกกฎหมาย  เราก็ต้องศึกษางานตลอดเวลาการทำงานเลยละ  จนเดี๋ยวนี้..ชีวิตไม่เคยนิ่ง

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผู้ปิดทองใต้ฐานพระ (ซุ่มบริจาคทรัพย์เงียบ 30ปี มูลค่ากว่าแสนล้านบาท)

เดลี่ เมล์ ได้เปิดเผยเรื่องราวของนายชัค ฟีเนย์ อภิมหาเศรษฐีผู้ได้ชื่อว่าเป็น “บุรุษใจบุญซุ่มเงียบ” ผู้บริจาคทรัพย์สินกว่า 7,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.51 แสนล้านบาท) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากบิล เกตส์ อภิมหาเศรษฐี เจ้าพ่อกิจการไมโครซอฟท์ ซึ่งกลายเป็นบุรุษใจบุญรายใหญ่ที่สุดของโลก
รายงานระบุว่า นายชัค ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน-ไอริช เจ้าของกิจการขายสินค้าปลอดภาษี ได้เริ่มบริจาคเงินอย่างลับๆ ตั้งแต่ปี 1984 และได้ก่อตั้งมูลนิธิชื่อว่า “แอตแลนติค ฟาวเดชั่น” โดยเขาได้ซุ่มบริจาคเงินอย่างเงียบๆ เป็นเวลากว่า 29 ปี เป็นมูลค่า 7,500 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว และมีแผนจะบริจาคเพิ่มไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะเสียชีวิต ขณะที่เจ้าตัวมีภาพลักษณ์ถือความสมถะมาก โดยเขาใส่นาฬิกายี่ห้อ “คาสิโอ” ราคาเพียง 15 ดอลลาร์ ชอบเดินทางด้วยรถไฟ ไม่เคยมีรถยนต์เป็นของตัวเอง และชอบแต่งกายในสไตล์เชยๆ และให้ลูกของเขาทำงานไปพร้อมกับการเรียนหนังสือ
รายงานระบุว่า ทรัพย์สินทั้งหมดที่นายชัคบริจาค ถือเป็นสัดส่วนถึง 99 เปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามี โดยบริจาคให้มูลนิธิที่เขาก่อตั้งที่จะกระจายเงินบริจาคให้แก่ด้านสาธารณสุข, วิทยาศาสตร์, การศึกษา และสิทธิพลเรือนทั่วโลก และนายชัคเคยกล่าวกับ “ฟอร์บส์” ว่า ผู้คนมีแต่รับปากว่าจะให้ แต่สำหรับเขา เขาไม่ชอบพูดว่าเขามีสิทธิจะอวดว่าตัวเองก็เป็นนักบริจาค แต่เขาชอบทำเรื่องแบบนี้อย่างฉลาดมากกว่า
พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า เขาเชื่อว่า เขาพอใจมากกว่ากับการกระทำเช่นนี้ และได้เห็นสิ่งต่างๆ ถูกเนรมิตขึ้นจากเงินบริจาคของเขา เช่น โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย และว่าการบริจาคทรัพย์เป็นเรื่องมีเหตุผล มากกว่าการนำเงินไปเข้าบัญชีธนาคาร และรอให้เงินนั้นงอกเงยขึ้นเรื่อยๆ และเขาคิดว่า เขามีความสุขเมื่อเขาได้ทำสิ่งที่ได้ช่วยเหลือผู้คน และจะไม่มีความสุข ถ้าสิ่งที่เขา ไม่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น
ที่มา : http://www.matichon.co.th


วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ทำไมแค่เก่ง.. จึงไม่ประสบความสำเร็จ ???


ออกจะเป็นชื่อที่ดูท้าทายสวนกระแสความเชื่อของสังคมอยู่นิด ๆ เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยมีความเชื่อหรือมีค่านิยมทางสังคมกันไปว่าคนเก่งเกรดเรียนดีคนนำาเสนอเก่งพรีเซนต์คล่องคงเป็นคนที่ต้องประสบความสำาเร็จแน่มากกว่าคนธรรมดาชาวบ้านร้านตลาดทำาทว่าทำาไมคนเก่งบางคน จึงมีแต่คนเกลียด? และคนที่ประสบความสำาเร็จนั้น เป็นคนเดียวกันกับคนเรียนเก่ง หรือไม่?

ทุกวันนี้การให้สิทธิพิเศษหรือการให้อำานาจแก่คนเก่ง “ทำคะแนน” เพียงเท่านั้น กลับเป็นค่านิยมหลักของการคัดเลือกและตัดสินคุณภาพมนุษย์ด้วยกันเอง มากกว่าการพิจารณาเหตุปัจจัยสำาคัญด้านอื่นๆที่สำาคัญไม่แพ้กัน Dr.John C. Maxwell* เชื่อว่า ความเก่งจากพรสวรรค์และสติปัญญาเพียงอย่างเดียวนั้น ยังไม่พอที่จะเป็นเครื่องการันตีให้ได้ว่าเราจะประสบความสำาเร็จ ซึ่งชื่อบทความนี้จึงมาจากหนังสือของเขา ในชื่อภาษาอังกฤษว่า “Talent Is Never Enough” หรือในฉบับแปลไทยคือ “แค่เก่ง...ไม่พอ” ซึ่งเขาได้เสนอปัจจัยประกอบอีก 13 คุณสมบัติ ที่ต้องมีในผู้ที่จะก้าวข้ามขีดจำากัดของความเก่งขึ้นไปสู่ความสำาเร็จไว้เรียบเรียงสรุปได้ ดังนี้

1. มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในศักยภาพของตัวเอง (Belief)  
คนที่ประสบความสำาเร็จจะต้องมีความเชื่อมั่นว่า ตนเองมีความสามารถที่จะทำาสิ่งเหล่านั้นได้ และนั่นจะสร้างพลังที่จะทำลาย ข้อจำากัดหรือความกังวลเริ่มต้นของคุณได้เปิดทางสู่การยกระดับความสามารถและความท้าทายใหม่ๆ

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แง่คิดดี ๆ จาก CEO คุณก่อศักดิ์ CP7-11


ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เมื่อได้ทราบข่าวว่า พนักงานของเราบางคน
เมื่อได้รับสิทธิเป็นแฟรนไชส์ร้านเซเว่นฯ แล้วก็เริ่มเสียผู้เสียคน
เนื่องจากมีเวลาเพิ่มขึ้นและมีรายได้มากขึ้น
บางคนลุ่มหลงการพนัน บางคนเมื่อมีเครดิตดีขึ้น ก็จับจ่ายใช้สอยอย่างฟุ่มเฟือย
ด้วยบัตรเครดิตสารพัดประเภท จนมีหนี้สินรุงรังหาทางออกไม่เจอ
โอกาสดีที่บริษัทฯ มอบให้กลับกลายเป็นโทษสำหรับพนักงานที่ขาดความยั้งคิด
ปล่อยตัวไปตามกระแสกิเลสที่ไหลเชี่ยวอยู่ในสังคมและจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ
ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นมาเห็นเดือนเห็นตะวันได้อีก…
ผมหวนรำลึกถึงตัวเองในวัยเยาว์ ที่มีเงินติดกระเป๋าเพียง 50 สตางค์
ซึ่งเพียงพอแค่ซื้อน้ำหวานได้ 1 แก้ว แต่ผมก็เดินชมร้านรวง
ตามสองข้างทางถนนเยาวราชอย่างมีความสุข
ไม่มีเงินพอซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ แต่ก็สามารถเข้าไปเดินชม’ หนังแผ่น ‘
หรือภาพตัวอย่างจากภาพยนตร์ที่ติดอยู่ตามผนังด้วยความสำราญใจ
เมื่ออายุยังน้อย ผมไม่ค่อยได้เล่นของเล่นราคาแพงๆ เหมือนเด็กคนอื่น
คุณพ่อจะให้เหตุผลว่า ปืนคาวบอยสีสันแวววาวที่ผมอยากได้หนึ่งกระบอก
ราคาพอๆ กับค่ากับข้าวหลายวัน ผมก็เห็นจริงตามนั้น จึงไม่กล้ารบเร้าเซ้าซี้ต่อไป
โชคดีที่คุณพ่อผมส่งเสริมเรื่องการอ่าน ถ้าขอเงินไปเช่าหรือซื้อหนังสืออ่านเป็นไม่มีผิดหวัง

สิ่งที่ควรทำ ก่อนอายุ 40 ปี


1. ไม่ต้องตั้งใจเรียนมากไป เอาแค่พอใช้ได้ก็พอเพราะโลกแห่งความเป็นจริง วัดกันที่ผลงาน ไม่ใช่ที่เกรด

2. การทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นสำคัญมากพอๆ กับการคร่ำเคร่งหน้าตำราเรียน

3. เลือกงานที่เราชอบนั้นใช่ แต่อย่าลืมด้วยว่า อาชีพนั้น..สามารถเลี้ยงดูตัวเราได้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็อย่าหลอกตัวเอง

4. เมื่อถึงวัยทำงาน ใครเก็บเงินก่อน รวยเร็วกว่าและสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ คือ “ชีวิตที่ไม่มีหนี้ คือชีวิตที่ประเสริฐที่สุด”

5. หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอโดยเร็วที่สุด เพราะมันจะเป็นเครื่องนำทางของคุณ ในชาตินี้ตลอดไป

6. ซื้อบ้านก่อน ที่จะซื้อรถ เพราะบ้านมีแต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นรถมีแต่มูลค่าลดลง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า รถ=ลด