หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ให้เงินทำงาน โดย กอบศักดิ์ ภูตระกูล



2-3 สัปดาห์ก่อน ได้อธิบายไปแล้วว่า ออมอย่างไรจึงจะมีเงินเก็บ วันนี้ผมขออธิบายเคล็ดลับขั้นต่อไปที่จะทำให้ชีวิตมีเงินมากยิ่งขึ้น ผ่านแนวคิด “การให้เงินทำงานรับใช้เราอย่างเต็มที่”

อ่านถึงตรงนี้ ผู้อ่านอาจประหลาดใจว่า การให้เงินทำงานรับใช้เราอย่างเต็มที่นั้น เป็นไปได้อย่างไรเพราะ (1) เงินไม่มีชีวิตจิตใจ แล้วเงินทำงานได้ด้วยหรือ? และ (2) ก็ฝากเงินที่แบงก์ไว้กินดอกแล้วยังจะว่าเงินทำงานรับใช้เราไม่เต็มที่ได้อย่างไร?

หัวใจเรื่องนี้อยู่ที่คำ 2 คำ คือ “ทำงาน” กับ “เต็มที่”

1.  ให้เงินทำงาน บางคนคิดว่าการมีเงินออมเก็บไว้ในกระปุก หรือซ่อนไว้ใต้เตียง ก็น่าจะดีพอแล้วเพราะคนอื่นๆ หลายคนแม้กระทั่งออมก็ยังไม่เคย ในประเด็นนี้ การรู้จักเก็บออม เก็บเล็กผสมน้อยเป็นเรื่องที่น่ายกย่องสรรเสริญอย่างยิ่ง เพราะต้องมองการณ์ไกล มีวินัยในชีวิต รู้จักที่จะไม่เลือกความสุขในวันนี้ เก็บออมไว้สำหรับอนาคต

ตรงนี้ขอฝากบอกว่า ถ้าออมได้แล้ว แต่เงินยังเก็บอยู่ในกระปุก ก็น่าเสียดายยิ่ง เพราะหมายความว่าเงินไม่สามารถผลิดอกออกผล แตกลูกหลานมารับใช้เรา เมื่อถึงยามจำเป็น ก็จะมีแต่ต้นของเงินที่เราเก็บไว้เท่านั้น ที่จะมาสนองความต้องการและความจำเป็นของเรา ชีวิตก็จะต้องอยู่อย่างกระเบียดกระเสียด


แต่ถ้ารู้จักนำเงินที่มีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น ฝากเงินฝาก ซื้อทอง ซื้อที่ดิน ซื้อประกันชีวิตซื้อพันธบัตร ซื้อกองทุน ซื้อหลักทรัพย์ ใช้เป็นเงินทุนในการทำธุรกิจ เงินก็จะทำงาน งอกเงยทวีคูณเป็นพ่อแม่เงิน ลูกเงิน หลานเงิน เหลนเงิน ที่พร้อมที่จะรับใช้เราในยามที่เราแก่เฒ่า ก็เรียกว่า รู้จักให้เงินทำงาน

2. ให้เงินทำงานอย่างเต็มที่ จากข้อมูลพบว่า คนไทยส่วนมากรักแบงก์เป็นพิเศษ พอมีเงินก็ต้องเอาไปฝากที่แบงก์ จนกระทั่งเงินของคนไทยกว่า 50% อยู่ในบัญชีเงินฝาก เรียกว่ารักแบงก์มาก ไม่ว่าดอกเบี้ยจะเหลือต่ำเตี้ยติดดินแค่ไหน 0.5-1.0% ก็ขอฝากแบงก์ไว้ก่อน

เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ว่า คนไทยต้องการความมั่นคงของชีวิต ต้องการความมั่นคงของเงินที่เก็บไว้ไม่อยากให้เงินต้นหาย ก็เลยเลือกที่จะฝากธนาคารไว้กินดอก ต้นก็อยู่ครบ แถมเหงา ก็ยังมีแคชเชียร์แบงก์เป็นเพื่อนคุยอีกด้วย

แต่การฝากเงินในแบงก์ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ถ้าจะเทียบให้ทุกคนเห็นภาพ การมีเงินเก็บออมก็เหมือนมีลูกจ้าง ถ้าบริษัทมีลูกจ้างหลายคน แต่ทุกคนนั่งนิ่งๆ หรือนั่งพับถุง ไม่ทำงานรับใช้เราแบบหามรุ่งหามค่ำ บริษัทก็คงยากจะเจริญได้ ชีวิตเราก็เช่นกัน ถ้าเงินไม่ทำงาน ออกลูกหลานเพียงทีละนิด ไม่เกิดประโยชน์เต็มที่ ก็น่าเสียดายอย่างยิ่ง

ตรงนี้ ผมขอแอบสารภาพว่า ในอดีตก็มักฝากเงินไว้ที่ธนาคารเช่นกัน เพราะง่าย ไม่ต้องคิดอะไรตอนนี้พอทราบถึงแนวคิด “การให้เงินทำงาน” ก็เลยเข้าใจทันทีว่าเราผิดไปถนัด มีเงินแต่ไม่เคยให้เงินทำงานอย่างเต็มที่ เพราะขี้เกียจตัดสินใจ ขี้เกียจคิดว่า จะส่งให้เงินไปทำงานที่ไหนดี นับเป็นการบกพร่องต่อตนเองอย่างร้ายแรง เพราะปล่อยให้ลูกน้องนั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ อู้งาน ไม่ทำงานหลบนอนอยู่ในแบงก์

พอคิดได้เช่นนี้ ก็เลยปรับปรุงตัวยกใหญ่ นำเงินที่เก็บออมไปลงทุนในสิ่งต่างๆ โดยคัดเลือกโอกาสการลงทุน เลือกโครงการที่เหมาะสม ให้เงินที่เราเก็บออมนั้นเกิดประโยชน์สูงที่สุด ซึ่งตอนนี้กล่าวได้ว่า เงินที่นั่งอยู่นิ่งๆ แทบจะไม่ค่อยมี เพราะได้กระจายเงินที่มีไปยังโอกาสลงทุนต่างๆ ซึ่งต่างทำงานกันอย่างเข้มแข็ง เป็นที่ปลื้มใจของเจ้าของอย่างยิ่ง จึงขอนำแนวคิดที่น่าสนใจนี้มาฝากทุกท่านเพื่อแต่ละคนจะได้เริ่มถามตนเองว่า เงินออมที่เรามีอยู่นั้น ได้ทำงานรับใช้เราอย่างเต็มที่แล้วหรือยังและครั้งหน้าจะเล่าถึงเคล็ดลับการเลือกโครงการให้เงินทำงานต่อไปครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น