หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

รอบรู้เรื่องวิตามิน เพื่อสุขภาพ



ปัจจัยสี่เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อันได้แก่ การ พักผ่อน การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และจิตใจ ที่ห่างไกลความเครียด ทำให้ผู้คนต่างพยายามสรรหาสารพัดวิธี ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายแนวทางใหม่ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น การฝึกจิต เพื่อทำจิตใจให้ผ่องใส รวมถึงการรับประทานอาหารเสริมเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับการบำรุงอย่างครบถ้วน เป็นต้น บ้างก็ว่าการรับประทานอาหารให้ถูกโภชนาการย่อมไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยอาหารเสริมอีกต่อไป แต่สำหรับคนในยุคสมัยเรานี้ มีหรือที่จะรับประทานอาหารกันครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะเหล่าวิตามินต่างๆ ที่มักจะซ่อนตัวอยู่ในผักใบเขียวและพืชอื่นๆ รวมถึงผลไม้ที่มีรูปร่างและรสชาติที่หลากหลายเหลือจะนับ ด้วยเหตุนี้ การรับประทานวิตามินเสริม จึงมักจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งทำให้พวกเราผู้บริโภคมีความมั่นใจว่าร่างกายจะได้รับสารอาหารครบถ้วนแล้วจริงๆ แต่อย่าเพิ่งรีบร้อนคว้าทุกสิ่งอย่างเอามากินเป็นวิตามินเสริมไปเสียหมด เพราะของอย่างนี้ควรศึกษาให้ดีว่าต้องกินอะไร ยังไงขนาดไหน เนื่องจากการศึกษาวิจัย บางตัวได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า บางครั้งการรับประทานวิตามินเยอะเกินไปก็ใช่จะส่งผลดีต่อร่างกายอย่างที่คิด

วิตามินเอ
วิตามินเอ พบได้มากในผักสีส้มและแดงอย่าง แครอท บีทรูท ผักโขม ฯลฯ รวมถึงน้ำมันตับปลา มีประโยชน์มากกับผิวพรรณในแง่ของการรักษาจุดด่างดำและริ้วรอยแห่งวัย ช่วยบำรุงสายตา กระดูกฟัน และเส้นผม ดูดซึมด้วยไขมัน เป็นวิตามินอีกตัวที่หลายๆ คน มักต้องอาศัยการรับประทานเป็นอาหารเสริม โดยเฉพาะในหมู่คนที่ไม่ค่อยกินผัก แต่หากร่างกายได้รับวิตามินเอมากจนเกินไปก็จะเกิดการสะสม ทำให้ปวดข้อ ปวดกระดูกตาม ตัว คลื่นไส้ อาเจียน และเบื่ออาหารได้ง่าย ควรกินมากแค่ไหน – ผู้หญิงควรรับประทานประมาณ 4,000 I.U. ต่อวัน / ผู้ชายและผู้หญิงตั้งครรภ์ควรรับประทานประมาณ 5,000 I.U. ต่อวัน / หากต้องการกินเป็นอาหารเสริม ควรรับประทานประมาณ 1,000 I.U. ต่อวัน


วิตามินบีรวม
เนื่องจากมีวิตามินบีมากมายหลายชนิดเกินคณานับตั้งแต่วิตามินบี 1, วิตามินบี 2, วิตามินบี 3, วิตามินบี 5,วิตามินบี 6, วิตามินบี 12 ฯลฯ ซึ่งก็ล้วนแต่ทำงานร่วมกัน และอาหารส่วนใหญ่ที่อุดมไปด้วยวิตามินบีมักเป็นประเภทใกล้เคียงกัน ได้แก่ ขนมปัง ถั่ว อัลมอนด์ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ ธัญพืชต่างๆ จมูกข้าวสาลี ถั่วเหลือง เห็ด นม โยเกิร์ต ไข่ไก่ ผักใบเขียว รวมถึงอาหารประเภทหมักดองบางชนิด อย่าง กะปิ เต้าเจี้ย ว น้ำปลา ปลาร้า เป็นต้น วิตามินบีรวมจะช่วยเสริมด้านการทำงานของสมอง ระบบประสาท หัวใจ กล้ามเนื้อ และการย่อยอาหาร หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ดูแลควบคุมความเป็นไปของระบบต่างๆ ให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ โดยเฉพาะกับระบบประสาท และความเครียด ซึ่งถ้าขาดวิตามินบีรวมแล้ว ร่างกายอาจมีอาการชา เป็นตะคริวง่าย ความจำเลอะเลือน มีปัญหาในการมองเห็น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย โลหิตจาง สำหรับผู้ที่ดื่มจัด สูบบุหรี่จัด และชอบกินหวานจัดรวมถึงผู้ที่ต้องกินยาลดกรดบ่อยๆ และหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ร่างกายอาจจะเกิดภาวะขาดวิตามินบีได้ง่าย จึงควรดื่มน้ำเยอะๆ เพราะเป็นวิตามินที่ดูดซึมด้วยน้ำค่ะ ควรกินมากแค่ไหน – ตามปกติควรรับประทานประมาณ 300-400 มิลลิกรัม แต่หากต้องการรับประทานเพื่อรักษาโรคหรืออาการบางอย่างอาจต้องรับประทานประมาณ 3,000-5,000 มิลลิกรัม

วิตามินซี
เป็นวิตามินที่ดูดซึมด้วยน้ำ และเป็นวิตามินยอดฮิต เพราะนอกจากจะช่วยป้องกัน โรคหวัดซึ่งเป็นกันได้ทั้งปีแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส เนื่องจากช่วยสร้างคอลลาเจน สมานแผลสด และรักษาโรคลักปิดลักเปิด พบได้มากในผลไม้จำพวก ส้ม มะนาว ฝรั่ง มะขาม และมะเขือเทศ ฯลฯ ผู้ที่ขาดวิตามินซี มักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตาม ข้อและกระดูก เลือดออกตามไรฟัน แต่ถ้าได้รับมากเกินไปจะทำให้ร่างกายสะสมธาตุเหล็ก ตามข้อกระดูกต่างๆ และมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร เพราะ วิตามินซีมีค่าเป็นกรดนั่นเอง ควรกินมากแค่ไหน – ตามปกติแล้วควรรับประทานวิตามินซีประมาณ 500 มิลลิกรัมต่อวันเป็นอย่างน้อย และสามารถกินได้ถึง 6,000 มิลลิกรัมในกรณีที่กินเพื่อรักษาโรคหรืออาการต่างๆ

วิตามินดี
อาหารที่อุดมด้วยวิตามินดีก็คือผลิตภัณฑ์นม เนย ไขมัน น้ำมันตับปลา ปลาทู ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และไข่แดง พบได้มากในแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าและยามเย็น มี คุณสมบัติช่วยบำรุงให้กระดูกและฟันแข็งแรง อีกทั้งยังมีส่วนในการดึงคาร์โบไฮเดรตมาใช้ ดูดซึมได้ด้วยไขมัน แต่ถ้าได้รับมากเกินขนาดก็จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำ มี ปริมาณแคลเซียมและฟอสฟอรัสในปัสสาวะสูง มีหินปูนเกาะในร่างกาย แต่การศึกษาวิจัยพบว่าการรับประทานวิตามินดีน้อยเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุ ของสายตาสั้นได้ ควรกินมากแค่ไหน – ผู้ชายและผู้หญิงควรรับประทานประมาณ 200-300 I.U. ต่อวัน / ผู้หญิงมีครรภ์ควรรับประทานประมาณ 600 I.U. ต่อวัน

วิตามินอี
สาวๆ ที่อยากสวยนานๆ มักจะพึ่งพาวิตามินอีเป็นประจำด้วยคุณสมบัติที่ช่วยต่อต้านสาร อนุมูลอิสระ อันนำมาซึ่งความแก่ชราก่อนเวลาอันสมควร ช่วยบำรุงเลือดและเสริมประสิทธิ- ภาพการทำงานของระบบเลือดช่วยบำรุงให้ผิวพรรณอิ่มเอิบ อ่อนเยาว์ รักษาแผลได้ดี รวมถึงยังช่วยบำรุงระบบสืบพันธุ์และกล้ามเนื้ออีกด้วย เป็นวิตามินอีกตัวที่ดูดซึมในไขมัน หากร่างกายได้รับวิตามินอีไม่เพียงพอก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันลดต่ำลง หลอดเลือดจะแข็งตัวขึ้น เลือดจับตัวเป็นลิ่มเป็นก้อน ระบบประสาทมีปัญหา โลหิตจาง แต่ในทางตรง ข้าม หากได้รับวิตามินอีมากเกินไปก็อาจเกิดอาการตาพร่ามัว อ่อนเพลีย ท้องร่วง กล้ามเนื้ออ่อนล้า ปวดศีรษะ อาหารที่พบวิตามินอีได้มากคือน้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน จมูกข้าวสาลี เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลอโวคาโด ผักใบเขียว ฯลฯ ควรกินมากแค่ไหน –ตามปกติแล้วควรจะรับประทานประมาณ 10-15 I.U. หรือประมาณ 10 มิลลิกรัมต่อวัน นั่นหมายถึงจมูกข้าวสาลี 1 ช้อนโต๊ะก็เพียงพอแล้ว แต่ก็ไม่ควร รับประทานเกินวันละ450 มิลลิกรัม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น