ผมมีเพื่อนที่ลงทุนที่นี่และประสบความสำเร็จก็มี ไม่ประสบความสำเร็จก็มี ก็เลยขอยกตัวอย่าง มีอยู่รายหนึ่ง แกอยู่ลอนดอนมาหลายสิบปี แกพยายามทำอะไรเล็กๆ แต่พอตัว ซื้อๆ ขายๆ โดยเลือกทำเลที่ดีที่ 1 และที่ 2 เท่านั้น พอซื้อมายังขายไม่ได้ ก็ให้เช่ารอไป ใครขายแกซื้อ ใครซื้อแกขาย จนในที่สุดกลายเป็นเศรษฐีใหญ่ จากไม่มีอะไรมามากนัก ส่วนเพื่อนอีกคน ไม่มีประสบการณ์ แต่มีเงินพอ มีคนเอาตึกใหญ่ๆ สวยๆ มาขายก็ซื้อโดยไม่เข้าใจธรรมชาติของการอยู่อาศัยของลอนดอนเลย เตรียมพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยและโรงแรม แต่บังเอิญไม่เป็นที่นิยม ก็เลยไม่ค่อยดีเท่าไร
การไปฟังเขามาอย่างเดียวไม่พอเพราะตัวเลขราคาคอนโด หรืออพาร์ทเม้นท์ที่นี่ราคามีตั้งแต่ตารางฟุตละ 1,000 ปอนด์ (50,000บาท) จนถึง 6,000 ปอนด์ (300,000บาท) หรือตารางเมตรละ 3,000,000 บาท
ถ้าเราเข้าใจผิดก็อาจเป็นว่าซื้อของมาถูก ฝันจะขายแพงๆ มันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น จุดอ่อนของคนไทยคือ เรารู้เรื่องต่างประเทศน้อยและรู้ไม่ลึก ไม่ยอมศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อน ถ้าคิดจะลงทุนที่อยู่อาศัยในลอนดอน ต้องตั้งต้นที่ห้างสรรพสินค้า Harrods แล้วกางวงเวียนรัศมี 1 ไมล์ ย่านนี้ก็จะมี Hyde Park, Park Lane, Mayfair, Knightsbridge, Eaton Square, Wilton Crescent, Belgravia, Montpellier, Kensington เป็นต้น ย่านนี้ราคาไม่ค่อยตก เพราะคนซื้อไว้ เศรษฐีทั้งนั้น เมื่อเศรษฐกิจตก ก็ไม่ค่อยมีคนขาย พอเศรษฐกิจดี มีแต่คนมาซื้อ ย่านใหม่ที่กำลังมาแรง ก็จะเป็นย่าน Chelsea Harbour ครับ ถ้าย่านอื่นไกลกว่านี้ ราคาจะขึ้นไม่มาก เวลาเศรษฐกิจไม่ดี ราคาก็จะตก ขายต่อไม่คล่องเท่าที่ควร ส่วนย่าน City Center เป็นย่านที่ทำการธนาคาร ที่อยู่อาศัย โรงแรม ไม่มีคนนิยม ขายยาก ราคาไม่ดี
สรุปเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ ราคาขึ้นลง ขายยากขายง่าย ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง (Location) เพราะฉะนั้น ต้องท่องคาถาให้ดีครับ ว่าจะเป็นนักพัฒนาหรือนักลงทุน หรือซื้อไว้ใช้เองก็ตาม คาถานี้คือ Location Location and Location ครับ คาถาอื่นไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าครับ และก็ต้องรู้จริงกับคำว่า Location ด้วย ไม่ใช่ฟังเขามาโดยไม่ไตร่ตรองหรือใช้ความชอบแบบบ้าน โดยไม่เข้าใจสภาพแวดล้อมของ Location นะครับ ท่องไว้ครับ อย่าวอกแวก
Location Location and Location
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น