วันนี้...หลังจากเลิกงาน ผมก็ถูกทักว่า "ช่วงนี้เป็นอะไร? คุณทำงานดูหน่วง ๆ ไปนะ!" จริง ๆ ผมก็คิดในใจอยู่แล้วว่า ผมต้องถูกถามเข้าสักวัน วันนี้ก็เป็นไปตามคาดจริง ๆ ผมก็เลยตอบไปว่า เพราะเป็นงานใหม่ก็เลยต้องใช้เวลาเรียนรู้ ส่วนงานอื่น ๆ ผมรอทีมที่ว่างบางเวลามาช่วยทำงาน ประมาณนั้นครับ
จริง ๆ แล้ว เหตุผลต่าง ๆ ที่อยู่ในใจสามารถแตกประเด็นได้ประมาณนี้ครับ
ช่วงปีแรกของการทำงาน เราออกสตาร์ทอย่างรวดเร็ว
ปีแรกของการทำงานใคร ๆ ก็กระตือรือร้นตนเอง เพื่อเรียนรู้งานใหม่ให้เข้าใจมากที่สุด แต่เมื่อเวลาผ่านไปงานดังกล่าวเราเรียนรู้ได้มากแล้ว แต่ยังขาดทีมงานมาช่วยทำงานในส่วนนี้ ก็เลยดูเหมือนหน่วง ๆ ไม่ฟิตเหมือนปีแรก ๆ (จริง ๆ แล้วผมก็เหนื่อยด้วยล่ะครับ เพราะเท่าที่ดูเหมือนผมจะออกตัวแรงมากกว่าคนอื่น ๆ ในฝ่าย)
การทำงานบางอย่างต้องรอทีมงาน
เนื่องจากงานของผมบางส่วนต้องรอให้ทีมงานนั้นว่าง หรือ ทีมงานนี้ว่าง จึงต้องจัดการเวลาว่างให้เข้ากับงานของผมซึ่งมือฝ่ายควบคุมกระบวนการช่วยประสานงาน มันเป็นงานที่ดูเหมือนว่าอะไร ๆ ก็ต้องรอไปหมด
ทำงานโครงการใหม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้
แน่นอนว่างานใหม่ ๆ มันจะช้าตรงที่เวลาค้นคว้าหาข้อมูลพื้นฐานเพื่อใช้เป็นแนวทางการทำงาน การปรึกษาก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานโครงการให้สำเร็จ แต่คนที่จะให้เราไปปรึกษาก็มีงานของเขา บางครั้งอาจจะไม่มีเวลาให้คำปรึกษา งานก็เลยช้าไปสักพัก พอไปปรึกษาอีกคนหนึ่งก็อธิบายเข้าใจยากมาก...ก็ทำให้ผมต้องสรุปประเด็นอีกครั้ง
ด้วยเหตุผลดังกล่าวและอีกหลาย ๆ สิ่งที่ไม่ได้กล่าวไว้ในที่นี้ ทำให้ผมดูเหมือนจะทำงานหน่วง ๆ ไม่ฟิตเหมือนปีแรก ๆ เพราะว่าคนเราจะใช้สิ่งที่เห็นครั้งแรกเป็นมาตรฐานในการสังเกตตัวเรา จำไว้เลยนะครับ สำหรับคนที่ทำงานปีแรก ๆ ถ้าไม่อยากเหนื่อย ก็อย่าตื่นตัวมากนัก เอาพอประมาณ สังเกคนและบรรยากาศรอบข้างให้ดี แล้วเอามากำหนดการเพิ่มงานของเราต่อไป เค้าจะได้ไม่มองเราว่าทำงานต่ำกว่าช่วงแรก ๆ ประมาณว่า "แรงตก" นั่นเองละครับ
แง่คิดวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ เดี๋ยววันหน้าผมจะเอาประเด็นปัญหาต่าง ๆ มาเล่าให้อ่านกันอีกนะครับ ขอบคุณที่ติดตามครับ ^_^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น