ตามกฎหมาย พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ได้กำหนดให้ ”วิชาชีพครู” เป็นวิชาชีพควบคุม ต้องมี "ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู" จึงจะเป็น "ครู" ได้ เช่นเดียวกับ หมอ หรือ วิศวกร ฯลฯ
ความหมายก็คือ ใครที่ทำหน้าที่ "ครู" สอนหนังสือ ในสถานศึกษาหรือสถาบันการศึกษาใด ๆ ทั้งของรัฐและเอกชน ต้องเป็นผู้ได้รับ "ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู" แล้วเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น “ข้าราชการครู” “ครูอัตราจ้าง” “พนักงานราชการ” รวมทั้ง “ครูชาวต่างประเทศ” ด้วย
ดังนั้น การประกาศสอบบรรจุ ”ครูผู้ช่วย” หลังจาก พรบ.ฉบับดังกล่าวประกาศใช้ ผู้ที่ประสงค์จะประกอบ "วิชาชีพครู" ต้องขอมี "ใบอนุญาตผู้ประสงค์ประกอบวิชาชีพครู” ก่อน ถ้าไม่มี ก็สมัครสอบบรรจุครู(ทุกส่วนราชการ)ไม่ได้
โดยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ออกให้ครั้งละ 5 ปี เสียค่าธรรมเนียม 500.- บาท ครบ 5 ปี ก็มาขอต่อใบอนุญาตกันใหม่ โดยจะมีการประเมิน(หรือสอบ)ก่อนต่อใบอนุญาตด้วย ซึ่งอาจจะมี “ข้าราชการครู” “ครูอัตราจ้าง” หรือ “พนักงานราชการ” บางคนที่ไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตในตอนนั้น
นั่นก็หมายถึงการจบอาชีพครูไปด้วยในเวลาเดียวกัน... ซึ่งอาจถูกสั่ง "ให้ออกจากราชการ" เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ฯ ได้ กรณีเป็น ”ครูอัตราจ้าง” หรือ “พนักงานราชการ” ที่ทำหน้าที่สอนก็อาจต้องเลิกจ้างโดยปริยาย
”การขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” สำหรับคนที่เป็นครูอยู่แล้วก่อน พรบ.ฉบับดังกล่าวบังคับใช้ ต้องยื่นขอทุกราย แต่ไม่เสียค่าธรรมเนียม เพราะเป็นครูอยู่ก่อนวันที่ พรบ.ประกาศใช้ โดยต้องยื่นขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูภายในระยะเวลา 3 ปี หลัง พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ประกาศใช้ (ตามบทเฉพาะกาลของ พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546)
ส่วนใครที่จบปริญญาตรีหลังจากวันที่ 11 มิถุนายน 2549 ต้องผ่านการประเมิน (หรือสอบ)มาตรฐานวิชาชีพครูก่อน จึงจะขอใบประกอบวิชาชีพครูได้
มติคณะกรรมการคุรุสภา ครั้งที่ 6/2547 วันที่ 20 ก.ค. 2547 ให้ผู้ที่มีคุณวุฒิปริญญาทางการศึกษาตามหลักสูตร 4 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในวันที่ 12 มิ.ย. 2546 บุคคลเหล่านี้จะจบการศึกษาในปีการศึกษาใดก็ตาม สามารถใช้วุฒิทางการศึกษาขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น