หลาย ๆ คนสับสนเส้นทางในชีวิต หลาย ๆ คนลองผิดลองถูกมาก็มากมาย กว่าจะจับทางได้และร่ำรวย มีเงินทอง ยกระดับฐานะของตนเองและครอบครัว ผลสุดท้ายก็คือ "การเรียนรู้"
การเรียนรู้บางสิ่ง ไม่จำเป็นต้องนั่งเรียนในห้องแคบ ๆ เสมอไป เช่น เรียนรู้ที่จะทำธุรกิจ ค้าขาย งานช่างพื้นฐาน คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
การเรียนรู้แล้วนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน มันเกิดประโยชน์มากมายยิ่งนัก ถึงแม้หลาย ๆ คนอาจจะเรียนไม่จบก็ตาม... แต่มันก็เกิดประโยชน์ในระยะยาว ซึ่งดีกว่าเรียนจบมาแล้วได้แต่วุฒิการศึกษา (ประมาณว่าเรียนเอาวุฒิ) พอจบมาก็บอกว่า "ไม่ได้นำไปใช้อะไรเลย" แต่โลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกหน่วยงานเริ่มหันมาสอบวัดผล วัดความรู้ต่าง ๆ นานา เพราะอะไร ??? ถึงเป็นเช่นนั้น
ก็เพราะว่า การทำงานทุกวันนี้เป็นการทำงานฐานความรู้นั่นเอง ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มันมีมานานแล้ว แต่ในไทยก็เพิ่งมาเปลี่ยนแปลง (อาจเห็นความสำคัญมานานแล้ว)
ปัจจุบันนี้ เราจะเห็นคนรุ่นใหม่ร่ำรวยจากความคิดของเขามากมาย เช่น Facebook เป็นต้น ซึ่งตอนนั้นเขาเรียนไม่จบ ป.ตรี ด้วยซ้ำ แต่ขณะที่เขาเรียนอยู่ เขาได้วิจัยเรื่องที่เขาได้เรียนและเห็นช่องทางทำกิน ช่องทางที่เติบอย่างมาก เขาจึงออกมาก่อตั้งบริษัทตนเองขึ้นมา
จงหลุดพ้นจากความคิดเดิม ๆ เสียเถิด อย่ามองคนแค่ภายนอก หลาย ๆ คนอาจนั่งนิ่ง ๆ ไม่ยอมทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่รู้ไหมว่า เขาอาจจะกำลังใช้สมองเพื่อวาดเส้นทางให้ตนเองอยู่ก็ได้
ดังนั้นแล้ว ทุกอย่างที่เติบโตขึ้นได้นั้น ก็เพราะเรา่มีความคิด มีความฝัน วาดฝัน เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ มีการคิดวิเคราะห์ สุดท้ายก็นำไปสู่การปฏิบัติ
ไม่ใช่คิดจะทำิอะไรก็ลงมือทำ โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ เอาซะเลย การทำแบบนั้นเป็นการลงมือทำแบบหว่านแห สิ้นเปลืองเวลาและทุน ต่าง ๆ นานา สุดท้ายก็จะเกิดความท้อแท้
สุดท้ายแล้วจริง ๆ เพียงแค่อยากบอกว่า การวิจัย มันทำให้เราได้ข้อสรุปที่ดีมาก ครอบคลุมมากนั่นเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเรียนในห้อง เพียงแค่ปรึกษาคนเป็น เรียนรู้จากสิ่งที่เกิด ปรับปรุงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เท่านั้น งานของท่านก็จะสุดยอดที่สุดเลยละ (แต่น่าเสียดาย หลาย ๆ คนเรียนรู้แค่ว่า ทำงานวิจัยเพื่อส่ง สอบ ให้ผ่าน แต่ไม่เคยนำมางานจริง ๆ ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เลย !!!)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น